กุนซือทีมลิเวอร์พูลคนล่าสุดนำทีมคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อปี 2005 นั้นก็คือ ‘ราฟา เบนิเตซ’ และเป็นอดีตนายใหญ่ให้กับทีม เรอัล มาดริด ก่อนเกมนัดชิงชนะเลิศศึก “บิ๊กเอียร์” ที่ “ราชันชุดขาว” จะพบกับ “หงส์แดง” ในวันที่ 26 พฤษภาคม 2561 อีกด้วย ราฟา เบนิเตซ ออกมาวิเคราะห์เกมการแข่งขันศึกชิงแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่กำลังจะมาถึงในเร็ววันนี้
“เป็นเส้นทางที่น่าสนใจมาก เป็นประตูสู่ฟุตบอลระดับสูงของอังกฤษ แต่ถ้าเอาแบบจากใจเลยนะ ที่นี่คือบ้านของผมความสัมพันธ์ของผมกับเมืองนี้ รวมถึงแฟน ๆ เป็นสิ่งยอดเยี่ยม ดังนั้นผมมีความสุข และรู้สึกขอบคุณ ลิเวอร์พูล อยู่เสมอ”
“ตั้งแต่เมื่อตอนอายุได้ 13 ปี ผมก็ไปอยู่ที่มาดริดแล้ว ผมรู้จักสโมสรแห่งนี้เป็นอย่างดี และได้เห็นการพัฒนาของพวกเขาอยู่เสมอ แต่สำหรับเส้นทางการเป็นกุนซือ เรอัล มาดริด ของผม คนที่เข้าใจจริง ๆ จึงจะรู้เหตุผลว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คนอื่นคิดกัน เพราะสิ่งที่เกิดขึ้น ผมได้ทำอย่างเต็มที่ และเป็นมืออาชีพที่สุด แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ผมถือว่าผมมีความทรงจำที่ดีกับ เรอัล มาดริด”
“ผมให้ความเคารพต่อ ลิเวอร์พูล และ เรอัล มาดริด เป็นอย่างมาก ทั้งหมดที่ผมสามารถทำได้คือเฝ้ารอ และปล่อยให้ทีมที่ดีที่สุดคว้าชัยชนะ”
“มันน่าจะเป็นเกมที่น่าสนใจสุด ๆ เมื่อคุณมองไปที่ เรอัล มาดริด, ยูเวนตุส และบาเยิร์น พวกเขามีประสบการณ์มากมาย ด้วยคุณภาพที่มี พวกเขารู้วิธีจัดการกับเกมในสถานการณ์ต่าง ๆ นั่นเป็นข้อได้เปรียบ”
“แต่สำหรับ ลิเวอร์พูล นั้นตรงข้ามกัน พวกเขามาด้วยความร้อนแรง มีคุณภาพ และมีฝีเท้า นี่คือทีมจาก พรีเมียร์ลีก หนึ่งเดียวที่มาไกลที่สุด”
“พวกเขาแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง บางทีอาจจะเป็นแง่ของศรัทธาจากแฟนบอล และนี่คือทีมที่มี 3 แนวรุกสุดอันตราย แผงมิดฟิลด์ที่ทำงานกันอย่างหนัก และมีการทุ่มเงินมหาศาลเพื่อแก้ปัญหาแนวรับที่พวกเขาต้องประสบมานาน นี่เป็นทีมที่ถูกสร้างขึ้นมาเป็นอย่างดี”
“ความแตกต่างก็คือ เมสซี่ มักจะประสานงานกับผู้เล่นในแนวรุกมากกว่า ขณะที่ ซาล่าห์ ดูเหมือนจะใช้ความคล่องตัวของตนเองเล่นงานคู่ต่อสู้ มันจึงเป็นเรื่องยากที่จะหยุดเขาได้”
คุณเห็นด้วยกับคำพูดของ ซีดาน ที่ว่า ‘การคว้าแชมป์ลีกนั้นยากกว่าการคว้าแชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก’ หรือไม่ ?
“ผมคิดว่าการคว้าแชมป์อะไรก็ยากทั้งนั้น มันขึ้นอยู่กับทีมที่คุณมีด้วย”
“มาดริด ดูเหมือนจะมีอาวุธที่มากกว่า ถ้าได้ประตูแรกก่อนมันก็จะเข้าทางพวกเขา แต่ผมก็ยังมองว่า มันจะขึ้นอยู่กับการจบสกอร์ในจังหวะสุดท้ายว่าใครจะคมกว่ากัน”